วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554




Tablet Newspaper 1994 <<< คลิก >>>

1. Tablet Newspaper คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร
คือ หนังสือพิมพ์แท็บเล็ต หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนังสือพิมพ์ที่ผสมผสานด้วย เสียง ข้อความ VDO และเสียงกราฟฟิก ที่นำเสนอเกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมืองได้อย่างชัดเจน เป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ซึ่งข่าวสารที่มีในแท็บเล็ตนั้นก้อเหมือนดัง ข่าวที่อยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่า แท็บเล็ตสามารถดูในรูปแบบ วีดีโอ สามารถฟังเสียง และสามารถทำหลายสิ่งอย่างได้มากกว่าหนังสือพิมพ์ข่าวธรรมดา


ความสำคัญของ Tablet Newspaper คือ เปรียบเสมือนข่าวสารบ้านเมืองที่เราควรรู้ ควร ทันต่อโลกความสำคัญของหนังสือพิมพ์ธรรมมาดาก้อสำคัญเช่นกัน แต่ความสำคัญแตกต่างกัน



2. การใช้งานTablet Newspaperมีความเหมาะสมหรือไม่
จะว่าไปแล้ว Tablet Newspaper หรือหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ ก็มีความเหมาะสมในการใช้งานเพื่อการศึกษาถึงข่าวสารบ้านเมือง มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้งานทางด้านข่าวสารมีความสะดวกในการใช้งาน ในการพกพา แต่ถ้าคิดในแง่หนึ่ง อุปกรณ์นี้ไม่ใช่อุปกรณืชนิดเดียวที่เหมาะสมแต่เป็นเพียงอุปกณณ์ชนิดหนึ่งที่ให้ความสะดวกเท่านั้น


3. ข้อดีและข้อเสีย ของ Tablet Newspaper

ข้อดี

· เราจะสามารถใช้ Tablet โต้ตอบกับข้อมูลข่าวสารได้

· Tablet สามารถดูข้อมูลข่าวสารได้ ทางเสียง

· Tablet สามารถ ดูในแบบ วีดีโอได้

· Tablet สามารถพกพาได้สะดวกยิ่งขึ้น

· Tablet สามารถขยายดูรูปภาพเล็ก ๆ ได้อย่างชัดเจน

· ข่าวสารใน Tablet สามารถสั่งซื้อหรือดูได้ดีกว่า หนังสือพิมพ์ธรรมดา

ข้อเสีย

· Tablet ทำให้หนังสือพิมพ์ลดการใช้ได้น้อยลง

· ราคาแพง

· บางทีข้อมูลอาจจะผิดพลาดได้



4. ท่านคิดว่า Tablet Newspaper จะมาแทนหนังสือพิมพ์ทั่วไปหรือไม่ จงแสดงความเห็น

ไม่สามารถมาแทนที่หนังสือพิมพ์ทั่วไปได้ ในความเชื่อ หนังสือพิมพ์ จะไม่สามารถหายไป พร้อม กับยุคดิจิตอลได้ เพราะ กลุ่มผู้คนมักมีหลายกลุ่ม หนังสือพิมพ์มีความสำคัญมาตั้งแต่อดีดจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึง Tablet ได้ กลุ่มคนผู้นั้นก้อจะต้องใช้หนังสือพิมพ์เพื่ออ่าน บ้างก้ออ่านศึกษาจาก Internet เพราะ ผู้คนไม่สามารถที่จะมาใช้ Tablet ได้หมดทุกคน ในความเชื่อของดิฉัน หนังสือพิมพ์ไม่มีทางหายไปได้

งานวิจัย





Direct X


Direct X คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่ติดต่อกัีบ อุปกรณ์โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านระบบปฏิบัติการ ทำให้สามารถเข้าถึงคุณสมบัติืต่าง ๆ ของ hardware ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านระบบปฏิบัติการ ทำให้เข้าถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของ hard ware เช่น ภาพ เสียง และมีความสามารถในการวอเคราะห์ความสามารถของ hrad ware เพื่่อปรัีบแต่งค่าต่าง ๆ ของ โปรแกรมให้เหมาะสมหรือชดเชยการทำงานที่เครื่องไม่สนับสนุน
ทำให้โปรแกรม Multimedia หรือเกมส์ที่ติดต่อผ่าน DirectX ใช้ความสามารถด้านฮาร์ดแวร์ของระบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังสามารถทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบ Hardware ที่แตกต่างกันได้


FTP



File Transfer Protocol (FTP)
FTP (File Transfer Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการแลกเปลี่ยนไฟล์ ระหว่างคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ต คล้ายกับ Hypertext Transfer Protocol (HTTP) ที่ใช้ในการส่งเว็บเพ็จและไฟล์ที่เกี่ยวข้อง และ Simple Mail Transfer Protocol (SMPT) ที่ใช้ส่งผ่าน e-mail ซึ่ง FTP เป็นโปรโตคอลประยุกต์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP โดย FTP ใช้ในการส่งไฟล์เว็บเพจจากแหล่งที่เก็บไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยแสดงฐานะเป็นเครื่องแม่ข่าย สำหรับทุกคนบนอินเตอร์เน็ต และนิยมใช้ในการ download โปรแกรมและไฟล์มายังเครื่องคอมพิวเตอร์จากเครื่องแม่ข่ายอื่น
การใช้ FTP สามารถใช้คำสั่งติดต่อแบบ command line (เช่นเดียวกับคำสั่งของ MS_DOS) web browser สามารถสร้างคำขอ FTP เพื่อ download โปรแกรมที่เลือกจากเว็บเพจนอกจากนี้ FTP สามารถใช้ปรับปรุงไฟล์บนเครื่องแม่ข่าย โดยต้อง logon ไปที่ FTP server การสนับสนุน FTP โดยพื้นฐานในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งโปรแกรมที่มากับ TCP/IP อย่างไรก็ตามโปรแกรม FTP แบบ client ที่มีการติดต่อแบบ GUI ต้อง download จากบริษัทที่ผลิต




่java applets

java applets คือภาษาที่ใช้ในการเขียนเพื่อตกแต่ง Web อีกภาษาหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เป็นตัวเสริมทำให้เวปเพจมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยใช้เทคนิกที่ภาษา HTML ไม่สามารถทำได้โปรแกรมที่เขียนโดยบนภาษา JAVA ทำงานในเว็บ browser ส่วนใหญ่จะมีความซับซ้อนไม่สามารถเขียนโดยภาษาสคริปได้เช่น โปรแกรมอัพโหลดรูปภาพ ของ facebook เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมสามารถใช้ทรัพยากรเครื่องได้อย่างมากมายดังนั้นควรระวังมัลแวร์หรือไวรัส โดยสังเกตจากผู้ผลิตตอนอนุญาตให้รัน Java Applets คือโปรแกรมในภาษาจาวาที่ถูกกำหนดให้ใช้งานได้บนเว็บเพจโดยแสดงผลผ่าน Web browser มีลักษณะเป็นพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมที่มีองค์ประกอบภายในเป็นภาพกราฟิกส์ เป็นปุ่ม หรือกล่องข้อความ ภาพเคลื่อนไหวหรือเสียง โดยสามารถตอบสนองเหตุการณ์ต่างๆและสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้
ในการสร้าง Java Applet ให้ทำงานได้จะต้องมีไฟล์ 2 ไฟล์คือ ไฟล์ .java ซึ่งเป็นโปรแกรมในภาษาจาวาโดยจะถูก compile เป็นไฟล์ .class ก่อนนำไปใช้งาน อีกไฟล์หนึ่งคือไฟล์ .html ใช้เรียก applet ให้ทำงานด้วยประโยค applet เช่น ซึ่งจะเรียก MouseAddImage.class มาทำงานโดยแสดงผลบนพื้นที่ขนาด 950x400 โดยที่ browser จะเป็นผู้โหลดไฟล์ .html มาจากคอมพิวเตอร์ส่วนตัว หรือจากคอมพิวเตอร์แม่ข่าย(Server)เมื่อไฟล์ .html ทำงานถึงประโยค โปรแกรม MouseAddImage.class ก็จะถูกโหลดมาทำงาน โปรแกรม Java Application จะทำงานภายใต้ Java Interpreter ไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมอื่น ส่วoโปรแกรม Java Applet ทำงานภายใต้สภาวะแวดล้อมที่กำหนดโดย browser วิธีนี้ทำให้เราสามารถส่งโปรแกรมไปทำงานบนเครื่องใดๆในระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้ html page เป็นตัวกลาง Applet ตัวหนึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็น GUI(Graphic User Interface) เพราะเมื่อแสดงผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีลักษณะเป็นพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมที่สามารถมีองค์ประกอบอื่นๆภายใน เช่น ปุ่ม กล่องข้อความ รูปภาพหรือกราฟิกส์รูปทรงต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถตอบสนองเหตุการณ์ต่างๆ เช่นการคลิ๊กเมาส์ เป็นต้น


USB




USB ย่อมาจาก Universal Serial BUS ซึ่งถูกพัฒนาโดย COMPAQ, Digital Equipment (รวมกิจการกับ COMPAQ), IBM, Intel, Microsoft, NEC และ Northern Telecom. เพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงานของพอร์ตอนุกรม เป็นอินเตอร์เฟสที่เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ I/O กับคอมพิวเตอร์

ระบบ USB นั้นนับว่าเป็นระบบที่ทันสมัยรองลงมาจาก Fire wire เนื่องจากรองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น และ ง่ายต่อการติดตั้ง มีความสามารถรองรับ Plug & Play จึงทำให้ USB เป็นที่นิยมอย่างมากใน ปัจจุบัน โดยอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ใช้ซึ่งมีมากมาย เช่น CD-ROM, Mouse, Keyboard, กล้องดิจิตอลและอุปกรณ์อื่นอีกมากมาย ซึ่ง USB มีคุณสมบัติ ดังนี้

- ลดข้อจำกัดของอุปกรณ์ต่อพ่วงโดยมากขึ้นถึง 127 อุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว

- "Hot Pug" สนับสนุนการต่อ, ถอดออก และ เซต อุปกรณ์ที่ติดต่ออยู่โดยไม่จำเป็นต้อง boot เครื่องใหม่
- สามารถจ่ายไฟฟ้าขนาด
5 Volt ให้แก่อุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับ USB

- สายเคเบิลนั้นสามารถนั้นสามารถยาวได้ถึง 5 เมตร
- มี MODE การทำงานแบบ Suspend เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน
- สามารถกำหนดค่าตำแหน่งแอดเดรสของ อุปกรณ์ต่างๆ โดยอัตโนมัติ
- USB มีคอนเนคเตอร์ที่เป็นแบบเฉพาะ ทำให้ช่วยป้องกันความผิดพลาดในเรื่องของการต่ออุปกรณ์ผิดประเภท

ข้อดีของมาตรฐาน USB 2.0
- สนับสนุนพอร์ต USB 6 พอร์ต
- การต่อเชื่อมที่ความเร็วสูงกว่า USB 1.1 ถึง 40 เท่า, USB 2.0 ให้ความเร็ว 480 Mbps เมื่อเทียบกับ USB 1.0 ที่ให้ความเร็ว 12 Mbps
- เข้ากันได้กับมาตรฐาน USB 1.1
- รองรับการโอนย้ายข้อมูลวิดีโอ 30 เฟรม/วินาที ทำให้เห็นภาพที่ต่อเนื่องสมจริง

ตำแหน่งขาของ USB
- ขา 1 เป็น Voltage +
- ขา 2 เป็น DATA -
- ขา 3 เป็น DATA+
- ขา 4 เป็น Voltage -

ถ้าหากเปรียบเทียบกับมาตรฐานการต่อเชื่อมของ FireWire (IEEE 1394) แล้ว จะเห็นว่ามาตรฐาน USB 2.0 นั้นสูงกว่า FireWire IEEE 1394 อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ในด้านการใช้งานแล้ว FireWire จะมุ่งเน้นไปทางด้านมัลติมีเดียมากกว่า USB แต่ทั้งคู่ก็เป็นการต่อเชื่อมผ่านบัสอนุกรมเหมือนกัน


VGA


Graphics Processing unit (GPU) สามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งได้คือ visual processing unit (VPU) ซึ่ง GPU หน้าที่หลักของ GPU ก็คือช่วยในการประมวลการทำงานในด้านภาพกราฟฟิกบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหลักการทำงานก็คล้ายกับ CPU แต่จะแตกต่างกันตรงที่ การ์ดแสดงผลสมัยเก่า ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นสัญญาณเท่านั้น แต่จากกระแสความนิยมของการ์ดเร่งความเร็วสามมิติ ในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 90 โดยบริษัท 3dfx และ nVidia ทำให้เทคโนโลยีด้านสามมิติพัฒนาไปมาก ปัจจุบันการ์ดแสดงผลสมัยใหม่ ได้รวมความสามารถในการแสดงผลภาพสามมิติมาไว้ เป็นมาตรฐาน และได้เรียกชื่อใหม่ว่า GRAPHICS PROCESSING UNIT โดยสามารถลดงานด้านการแสดงผลของของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ได้มากมีหน้าที่เปลี่ยนสัญญาณ digital ให้เป็นสัญญาณภาพ โดยมี Chip เป็นตัวหลักในการประมวลการแปลงสัญญาณ ส่วนภาพนั้น CPU เป็นผู้ประมวลผล แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีการประมวลผลภาพนั้น VGA card เป็นผู้ประมวลผลเองโดย Chip นั้นได้เปลี่ยนเป็น GPU (Grarphic Processing Unit) ซึ่งจะมีการประมวลภาพในตัว Card เองเลย เทคโนโลยีนี้เป็นที่แพร่หลายมากเนื่องจากราคาเริ่มปรับตัวต่ำลงมาจากเมื่อก่อนที่เทคโนโลยีนี้เพิ่งเข้ามาใหม่ๆ โดย GPU ค่าย Nvidia เป็นผู้ริเริ่มการลุยตลาด




การ์ดจอ (Video Card)
การ์ดแสดงผล หรือ กราฟฟิกการ์ด (Graphic card) เป็นแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทำหน้าที่ในการนำข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลของซีพียูมาแสดงบนจอภาพ ทำให้ผู้ใช้ สามารถควบคุมการทำงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจอภาพจะเป็นส่วนที่รับข้อมูลจากการ์ดแสดงผลอีกทีหนึ่ง การ์ดกราฟฟิกทีได้รับความนิยมและใช้กันแพร่หลายในอยู่ปัจจุบัน เป็นการ์ดกราฟฟิกที่มี GPU เป็นตัวประมวลผล




กระบวนการทำงาน

การ์ดแสดงผลมีหน้าที่หลักในการรับข้อมูลดิจิตอลมาแปลงเป็นสัญญาณอะนาล็อก เพื่อส่งออกไปแสดงผลยังหน้าจอ ซึ่งสามารถแบ่งการทำงานของการ์ดแสดงผลออกเป็น 2 โหมดคือ โหมดตัวอักษร (Text Mode) โหมดการแสดงผลที่สามารถแสดงได้ เฉพาะข้อความที่เป็นตัวอักษรบนจอภาพ ไม่สามารถแสดงรูปภาพกราฟฟืกต่าง ๆ ได้ หน่วยย่อยที่สุดบนจอภาพในโหมดนี้ คือ ตัวอักษร เช่น การทำงานในระบบ DOS และ โหมดกราฟฟิก (Graphic Mode) ลักษณะการทำงานแบบกราฟฟิก ในคอมพิวเตอร์ PC ของ IBM ได้แก่ ได้แก่การทำงานที่แสดงออกมาเป็นภาพ เส้นและตัวอักษรบนจอภาพ graphic mode สร้างภาพโดยวิธีใช้จุด pixel แต่ละจุดมาต่อเรียงกันเพื่อสร้างเป็นภาพ เป็นโหมดที่ต้องการความละเอียดในการแสดงผลสูงดังจะเห็นได้จากโหมดการทำงานของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ยี่ห้อการ์ดจอต่างๆ
ปัจจุบันการ์ดแสดงผลมีหลายยี่ห้อ เช่น XFX MSI Inno 3D Winfast ASUS


วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Audio search engine

Audio search engine

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ Search Engine กันก่อนน่ะครับ

เสิร์ชเอนจิน (search engine) คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

โดยในหัวข้อ Audio Search Engine นี้ เราจะเน้นไปทางการค้นหาประเภทมัลติมิเดียโดย Audio Search Engine นี้ เป็นเครื่องมือในการค้นหาข้อมูลประเภทมัลติมิเดียไม่ว่าจะเป็น เสียง รูปภาำพ วีดีโอ ฯลฯ Audio Search Engine เป็นการค้นหาข้อมูลประเภทเสียงเป็นหลัก โดยมีเว็บที่ให้บริการด้านนี้อยู่มากมายเช่น www.4shared.com , www.kazaa.com เป็นต้น ดังตัวอย่างในภาำพนี้เป็นเว็บที่ให้บริการค้นหาข้อมูลประเภทมัลติมีเดีย ท้งหลายครับ

ตัวอย่างที่1

ตัวอย่างที่2

Audio Search Engine นั้น เป็นการค้นหาข้อมูลประเภท เสียง ซึ่งรวมอยู่ในการค้นหาข้อมูลประเภทมัลติมีเดียทั้งหลายที่เรารู้จักกันดี ซึ่งการค้นหาทั้งหมดนี้เป็นการค้นหาผ่านทาง เทคโนโลยีที่เราเรียกว่าSearch Engine นั้นเองครับ

ตัวอย่างเว็บที่ใช้ค้นหาไฟล์ประเภทMultimedia Search Engines: Image, Audio & Video Searching

AllTheWeb http://www.alltheweb.com/

AltaVista http://www.altavista.com/

Ditto (images only) http://www.ditto.com/

Google Images (images only) http://images.google.com

Kazaa Media Desktop (MP3 only) http://www.kazaa.com/

youtube (Vedio) http://www.youtube.com

Canvas

Canvas

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า HTML5 นั้น ไม่ได้มีแต่ฟีเจอร์เรื่องของ Video และ Audio นะจ๊ะ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจและจะเป็นตัวพลิกโฉมวงการเว็บเลยก็ว่าได้ หนึ่งในนั้นก็คือ Canvas element ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางด้านกราฟฟิกที่มาพร้อมกับ HTML5 และเจ้า Canvas element นี่แหละที่ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นพระเอกของ HTML5 เพราะเจ้ากราฟฟิกตัวนี้ มันสามารถทำให้คุณสามารถสร้างระบบต่างๆ ที่คุณต้องการขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นระบบเกมส์ หรือโปรแกรมวาดภาพบนเว็บ ที่รองรับทุก platform หลายๆ คนคงจะเคยเห็นและเล่นเกมส์แฟรช (Flash Games) ซึ่งข้อเสียของมันก็คือต้องใช้ปลั๊กอินที่ชื่อว่า Flash player และแน่นอนว่าถ้าเครื่องไหนไม่สามารถลงปลั๊กอินตัวนี้ได้ ก็จะไม่สามารถเข้าชม หรือเล่นได้นั้นเอง แต่ถ้าระบบหรือเกมส์ นั้นๆ ถูกพัฒนาด้วย HTML5 มันจะสามารถเล่นได้ทุกระบบปฏิบัติการ โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงปลั๊กอินใดๆ เพิ่ม

Canvas element จะมี Tag สั้นๆ จำง่ายๆ ก็คือ ซึ่งเป็นคำสั่งที่จะใช้สร้างกราฟฟิกผ่านในตัว Canvas แต่เจ้า Canvas เองไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากมันก็ยังเป็น HTML ดีๆ นี่เอง ยังคงต้องอาศัยภาษาสคริปในการควบคุม ซึ่งจะทำงานได้ต้องอาศัยภาษา JavaScript เป็นตัวควบคุมในการทำงานต่างๆ เช่นสั่งให้วาดเส้นตรง และขีดเขียน ซึ่งในตอนที่ 1 นี้ผมจะยังไม่ลงลึกถึงวิธีการเขียน จะเล่าคร่าวๆ ก่อนว่า Canvas มันคืออะไร ตัวอย่างการแรกใช้งาน หรือการเขียน Canvas ใน HTML5 ดู Code Highlighter ด้านล่างครับ

Canvas element มีคำสั่งในการควบคุมเยอะแยะเช่น วาดเส้น วงกลม สี่เหลี่ยม เส้นตรง เส้นโค้ง ฯลฯ ณ จุดนี้ผมออกปากก็เลย เพราะเดี๋ยวคงจะมีคนมาถามว่า การเขียน Canvas element ใน HTML5 นั้นยากไหม ? ผมบอกก่อนเลยครับว่า มันไม่ใช่เรื่องยาก (สักเท่าไหร่) แต่…… คนที่จะเขียนต้องมีความรู้พื้นฐานและเข้าใจในโครงสร้างของภาษา HTML และ JavaScript พอสมควร ไม่งั้นก็เหมือนหัดเขียนใหม่แหละจ๊ะ ถ้ายังนึกไม่ออกว่าcanvaselementในHTML5นั้นมันทำงานยังไงลองดูตัวอย่างนี้ http://www.krapalm.com/html5/ (ไม่รองรับ IE) ซึ่งในเรื่อง Introduction ของ Canvas element ก็คงหมดเพียงเท่านี้ ติดตามดูกันต่อในตอนที่ 2 และตอนต่อๆ ไปครับว่า Canvas มีอะไรให้เราเล่นบ้าง

อ่อเกร็ดความรู้นิดหน่อย canvas element ของ HTML5 นั้นถ้าข้อมูลผมไม่ผิด Apple เป็นผู้ที่นำ canvas element ไปใช้เป็นเจ้าแรก Mac OSX Dashboard
View :1168
Related Post

  • * Z-Type เกมที่พัฒนาจาก HTML5 ได้รับแรงบรรดาลใจจากเกม The Typing of the Dead
  • * เริ่มต้นเรียนรู้ HTML5 อย่างไรดี
  • * Canvas element ใน HTML5 คืออะไร ? ตอนที่ 2
  • * HTML5 มี Elements อะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาบ้าง
  • * เครื่องมือวาดภาพพัฒนาจาก HTML5 รองรับ Mobile device และ iPad
  • * ContentEditable แก้ไขเนื้อหาในหน้าเว็บได้ทันทีด้วย HTML5
  • * โลโก้ HTML5 อย่างเป็นทางการมาแล้ว
  • * เก็บตกงาน GTUG BootCamp 2011 สำหรับใครที่ไม่มีโอกาสได้ไป
  • * Theme Wordpress ที่ใช้ HTML5 & CSS3 ในการพัฒนา
  • * 52ramework: HTML5 Frameworks ที่น่าลอง
  • * ฟังบรรยายจากทีมงาน HTML5 in Thai ในหัวข้อ HTML5 : The future of website
  • * HTML5 กับ Div Element หรือ Semantic Markup ที่เปลี่ยนไป
  • * LeanBack: HTML5 player ที่รองรับการใส่ Subtitle เข้าไปในวีดีโอได้
  • * HTML5 in Thailand ปรับโฉมใหม่ เชิญชวนมาเป็นส่วนหนึ่งของเรา
  • * Aloha Editor : HTML5 Editor


canvas

หลังจากเราได้รู้แล้วว่า มันคืออะไร ทำงานอย่างไร จากบทความ Canvas element ใน HTML5 คืออะไร ? ตอนที่ 1 คราวนี้เราจะมาดูตอนที่ 2 กัน ซึ่งตอนนี้ผมจะมาสอนวิธีการสร้าง Canvas กัน Canvas ใน นั้นมี attribute ที่สำคัญที่จำเป็นต้องมีหลักๆ อยู่ 3 ตัวด้วยกัน ต้องกำหนด id, width, และ height ทั้ง 3 ตัวเป็น attribute ที่จำเป็นสำหรับ Canvas Element อย่างแรกทำไทต้องกดหนด id ให้ ตรงถ้าใครที่เคยพัฒนาเว็บมาอยู่แล้วก็คงทราบๆ กันดีว่าเพื่ออะไร แต่ใครไม่ทราบผมจะอธบายสั้นๆ ละกันครับ กำหนด ID ก็เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้งานหรือเข้าถึง Element นั้นๆ แน่อนครับเวลาจะใช้งานต้องเปิด Element ด้วย

ตัวอย่างการใช้งาน Canvas Element ใน HTML5width="200" height="100">

อย่าง ที่ผมบอกในบทความก่อนครับ Canvas Element นั้นเป็นเหมือนคำสั่งที่จะใช้สร้างกราฟฟิก แต่เจ้า Canvas เองไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากมันก็ยังเป็น HTML ดีๆ นี่เอง ยังคงต้องอาศัยภาษาสคริปในการควบคุม ซึ่งจะทำงานได้ต้องอาศัยภาษา JavaScript เป็นตัวควบคุมในการทำงานต่างๆ เช่นสั่งให้วาดเส้นตรง และขีดเขียน เรามาดูคำสั่ง JavaScript ที่จะควบคุมให้เจ้า Canvas สามารถวาดภาพที่เราต้องการได้อย่างไร



จะเห็นว่าชุดคำสั่ง JavaScript ชุดนี้ได้เข้าถึง Element ที่ ID ที่ชื่อว่า myCanvas นั้นเองครับ สังเกตได้จากบรรทัด

var c=document.getElementById("myCanvas");

จากนั้นเมื่อหา Element ดังกล่าวเจอก็จะทำการสร้าง context object ขึ้นมา

var cxt=c.getContext("2d");

คำ สั่งบรรทัดนี้ ตรง getContext(“2d”) เป็น built-in object ที่มาพร้อมกับ HTML5 ซึ่งจะประกอบไปด้วยคำสั่งต่างๆ เช่น คำสั่งวาดเส้นตรง วงกลม รูปสี่เหลี่ม ตัวหนังสือ รูปภาพ หรืออื่นๆ

ต่อมาก็เป็นการสร้างรูปสี่เหลี่ยมพื่นภาพสีแดงขึ้นมา

cxt.fillStyle="#FF0000";

cxt.fillRect(0,0,150,75);

อ่อเกือบลืม ไอ้ตรง c. หรือ cxt. นี่คงเข้าใจนะครับว่ามันคืออะไร มันเป็นชุดคั่งสั่งของ JavaScript มาต่อกันเลยละกัน fillStyle นั้นเป้นการกำหนดสีแดงลงไป ส่วน fillRect เป็นการกำหนด รูปร่าง ตำแหน่ง แล้วก็ขนาดของวัตถุ

canvas

ผลที่ได้จากคำสั่งก็เป็นดังรูปด้านบน

-----------------------------------------------------------------------------------------

Canvas cheat sheet My memory isn't very good and I often find myself looking up simple things in various specs but sometimes they're just too damn long-winded when you're simply looking for argument x of function y. That's where cheat sheets and reference cards come in handy with their compact, bare-bones information crammed into, at most, a few pages. There are cheat sheets for just about anything out there but I couldn't find one for the HTML5 canvas element, so I decided to do something about that, mostly for my own sake but if other people find it useful that's just all the better.

The information is pretty much just a copy of what is found in the WHATWG specs, just condensed and hopefully a bit easier to read. There are virtually no explanations, however, and no examples other than some graphics for compositing values and a few other things (the appearance of which is very much inspired by those found in Mozilla's examples). So, it's basically just a listing of the attributes and methods of the canvas element and the 2d drawing context.